แฟรนไชส์

7 เกณฑ์การประเมิน สู่การยกระดับธุรกิจมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์

7 เกณฑ์การประเมิน สู่การยกระดับธุรกิจมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้กำหนดจัดกิจกรรม “ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard)” ประจำปี 2567 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ผ่านการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ส่งเสริมให้ธุรกิจมีมาตรฐานคุณภาพระดับสากล มีความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภคและผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า แฟรนไชส์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการบ่มเพาะองค์ความรู้และทักษะการสร้างมาตรฐานของธุรกิจ รวมถึงจะมีผู้เชี่ยวชาญประเมินวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ ที่สำคัญ ยังมีการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ณ สถานประกอบการเป็นรายธุรกิจ และเสริมในเรื่องการศึกษาดูงานธุรกิจที่เป็นต้นแบบที่ดีDBD Franchise Standard เครื่องหมายที่รับรองความมีมาตรฐานของการบริหารแฟรนส์ไชส์ โดยมีเกณฑ์การประเมินมาตรฐานคุณภาพ (Total Quality Franchise Management : TQFM) ทั้ง 7 หมวด ดังนี้1.การนำองค์กร (Leadership) 2.กลยุทธ์ (Strategy) 3.ลูกค้าและแฟรนไชส์ซี (Customer) 4.การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ (Measuremtnt, Analysis and Knowledge Manegement) 5.บุคลากร (Workforce) 6.หมวดการปฏิบัติการ (Operations) 7.หมวดผลลัพธ์ (Result)ทั้งนี้ สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย 1. จดทะเบียนนิติบุคคล 2. ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ไม่น้อยกว่า 3 ปี 3. มีแฟรนไชส์ซีอย่างน้อย 2 สาขา และสาขาของตนเองไม่น้อยกว่า 1 สาขา 4. จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (หรืออยู่ระหว่างกระบวนการยื่น) และ 5. มีความมุ่งมั่นตั้งใจและสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดโครงการ กิจกรรม Franchise Standard เป็นการยกระดับธุรกิจแฟรนไชส์ให้ผ่านมาตรฐานตามที่กรมฯ กำหนด โดยธุรกิจต้องผ่านกระบวนการพัฒนา 6 ขั้นตอนคือ 1) สร้างองค์ความรู้ด้านคุณภาพมาตรฐานแฟรนไชส์ 2) มีทีมที่ปรึกษา ลงพื้นที่ ณ สถานประกอบการ เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของแต่ละธุรกิจที่จะต้องได้รับการพัฒนาในแต่ละด้านให้ตรงจุด และให้คำปรึกษา (Coaching) เชิงลึก 3) เชื่อมโยงเครือข่ายและต่อยอดธุรกิจระหว่างผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่เข้าร่วมกิจกรรม 4) การศึกษาดูงาน ณ สถานประกอบการของธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐาน (Best Practice) 5) ตรวจประเมินธุรกิจแฟรนไชส์ตามเกณฑ์มาตรฐาน ณ สถานประกอบการ และ 6) การนำธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการยกระดับไปร่วมงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อนำเสนอศักยภาพของธุรกิจ (Business Showcase) ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้นตลอดหลักสูตรเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการพัฒนาแฟรนไชส์ไทยให้มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานสากลและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในอนาคต กิจกรรม Franchise Standard ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 16 ปี มีธุรกิจแฟรนไชส์ไทยที่เข้าร่วมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพฯ แล้วทั้งสิ้น 545 ราย “มาโนอิ” คือหนึ่งในรางวัลที่ได้รับตามเกณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการบริหารธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อคู่ค้า ลูกค้า สาขา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่าน อย่างตั้งมั่น ตั้งใจ เพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านการสร้างโอกาสทางอาชีพสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ตามวิสัยทัศน์ขององค์กรภายใต้ บริษัท ลูกคิดดี จำกัด           #รางวัลมาตรฐานแฟรนไชส์ #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์ #DBD #FranchiseStandard

ก้าวแรกของแฟรนไชส์

ก้าวแรกของแฟรนไชส์ จากความชอบ…มาสู่ธุรกิจ MANOI เปิดสาขาแรกที่อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อปี 2561 กับเงินทุน 1 แสนบาท หลังจากลูกค้าให้การตอบรับอย่างคับคั่ง และมีผู้ขอซื้อแฟรนไชส์ จึงเข้าไปศึกษาการสร้างระบบแฟรนไชส์ พร้อมใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ ป่าล้อมเมือง เป็นที่รู้จักในละแวกใกล้เคียงแบบปากต่อปาก จนนำมาสู่การเข้าระบบแฟรนไชส์แบบค่อยเป็นค่อยไปไม่เร่งขยายจนเกินไป เพราะเจ้าของแบรนด์เน้นความยั่งยืนต้องการพูดคุยและดูแลเฟรนไชส์ซีได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายทิ้ง ปัจจุบันขยายสาขาไปแล้วทั้งสิ้น 195 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ มี.ค. 2567) และมาโนอิพร้อมแล้วสำหรับการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ ในแง่จุดเด่นของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายเนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง เจ้าของร้านสามารถออกแบบด้วยตนเองภายใต้คอนเซปต์ขาวคลีน มินิมอล มีซุ้มโค้ง และยังนำขนมหรืออาหารอื่นมาขายควบคู่กันกับเครื่องดื่มได้ ทั้ง MANOI ยังมีระบบการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน เช่น ระบบการสั่งซื้อสินค้า ระบบการเคลมกรณีสินค้าเสียหาย มีทีมบริการหลังการขายคอยซัพพอร์ทและให้คำปรึกษาด้านการบริหารร้าน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ยอดขาย การบริหารพนักงาน การลงระบบ Delivery การวางแผนภาษี ไปจนถึงให้เครื่องมือสำหรับผลิตสื่อโฆษณา พร้อมการฝึกอบรมให้รอบด้านผ่านการฝึกฝนในสถานที่ขายจริงจนกว่าจะชำนาญ และอัพเดทเมนูใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีเมนูรวมทั้งสิ้นมากกว่า 63 เมนู แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ ชานมไต้หวัน นมสด น้ำผลไม้ผสมโซดา ชาผลไม้ ชาไทย และมัทฉะแท้จากประเทศญี่ปุ่น ซิกเนเจอร์เมนู คือ ชานมไต้หวัน โกโก้พรีเมียม และสตรอเบอร์รีคุกกี้ครีม&โกโก้พรีเมียมคุกกี้ครีม อีกความพิเศษที่ทำให้ MANOI ขยายตลาดได้อย่างรวดเร็วคือ ราคาขายปลีกที่เริ่มต้นเพียงแก้วละ 25 บาท จนถึง 64 บาท กำไรต่อแก้วสูงถึง 50% แต่ยังคงความคุ้มค่า เนื่องจากวัตถุดิบที่เสาะแสวงหามาจากต้นน้ำ ได้ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัวได้รสชาติชานมไต้หวันที่ถูกปากคนไทย เช่น ใบชาที่ผ่านกระบวนการบ่มตามกรรมวิธีจากประเทศไต้หวัน ไข่มุกที่ใช้มันสัมปะหลังสดของไทยผสานกับเครื่องปรุงของไต้หวัน ผงมัทฉะจากยอดชาเขียวแท้ 100% นำเข้ามาจากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงท็อปปิ้งอื่น ๆ อย่าง บุกผลไม้ บุกบราวน์ชูก้า บุกแคลลอรี่ต่ำ ไข่มุกป๊อปโยเกิร์ต และเนื้อว่านหางจระเข้ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ